3.1 ข้อมูลที่บ่งชี้ตัวตน ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล, เพศ, วันเดือนปีเกิด, รูปโปรไฟล์, หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (กรณีที่ท่านลงทะเบียนเป็นแคสเตอร์เพื่อรับรายได้)
3.2 ข้อมูลช่องทางการติดต่อ ได้แก่ หมายเลขโทรศัพท์, อีเมล (E-mail Address), ที่อยู่ (กรณีที่ท่านลงทะเบียนเป็นแคสเตอร์เพื่อรับรายได้)
3.3 ข้อมูลทางการเงิน ได้แก่ ข้อมูลบัญชีธนาคาร, สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร (กรณีที่ท่านลงทะเบียนเป็นแคสเตอร์เพื่อรับรายได้)
3.4 ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ ได้แก่ IP address
3.5 ข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงไปยังข้อมูลในข้อ 3.1-3.4 ได้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ข้อมูลตำแหน่งที่อยู่, ประวัติการชำระเงิน, ประวัติการเข้าใช้งาน
3.6 ข้อมูลบันทึกที่ใช้ติดตามตรวจสอบกิจกรรมต่าง ๆ ของบุคคล ได้แก่ log file, browser and device, cookies, pixel and tags
3.7 ข้อมูลอื่น ๆ ได้แก่ ข้อความ เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และข้อมูลสาธารณะอื่น ๆ จากบัญชี Facebook ของท่าน (กรณีที่ท่านลงทะเบียนโดยเชื่อมต่อกับ Facebook)
5.1 เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท เช่น
5.1.1 ใช้ยืนยันตัวตนของท่านในการทำสัญญากับบริษัท
5.1.2 ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างท่านกับบริษัท
5.1.3 ใช้ในการชำระค่าตอบแทน
5.1.4 ใช้ในการจัดส่งสินค้า และ/หรือใบเสร็จ
5.2 เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือตามคำสั่งของหน่วยงานใดของรัฐที่มีอำนาจ เช่น
5.2.1 การปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
5.2.2 การปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
5.2.3 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
5.2.4 กฎหมายอื่น ๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตาม
5.2.5 ประกาศและระเบียบที่ออกตามกฎหมายในข้อ 5.2.1 ถึง ข้อ 5.2.4
5.2.6 คำสั่งทางกฎหมาย (รวมถึงการปฏิบัติตามหมายศาล หรือคำขอจากหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่ศาลหรือเจ้าหน้าที่รัฐอย่างไม่จำกัด)
5.3 เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือบุคคลอื่นสำหรับการดำเนินการใด ๆ ที่มีความจำเป็นเท่าที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล เช่น
5.3.1 เพื่อยืนยันตัวตนของท่าน
5.3.2 เพื่อป้องกัน ตรวจสอบ รายการต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์และการฉ้อโกง หรือหาตัวผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับบริการของบริษัท
5.3.3 เพื่อวิเคราะห์ ทบทวน พัฒนา และปรับปรุงการให้บริการของบริษัท
5.3.4 เพื่อใช้ในกรณีทำให้ไม่ปรากฏชื่อหรือสิ่งบอกลักษณะอันสามารถระบุถึงตัวท่านได้
5.3.5 เพื่อสรรค์สร้างและพัฒนาการให้บริการในอนาคต
5.3.6 เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ ข้อร้องเรียน หรือตอบปัญหาข้อสงสัยต่าง ๆ ของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5.3.7 เพื่อดำเนินการอย่างทันทีทันใดในการคุ้มครองความปลอดภัยของสาธารณชนหรือของผู้ใช้บริการของบริษัท
5.4 เพื่อประโยชน์ที่ท่านจะได้รับจากการเข้าใช้บริการของบริษัท บริษัทจะดำเนินการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เท่าที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้กับบริษัท เช่น
5.4.1 เพื่อให้ท่านได้รับบริการที่ดี สะดวกและสอดคล้องกับความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น
5.4.2 เพื่อให้ท่านไม่พลาดโอกาสได้รับข่าวสาร บริการใหม่ของบริษัท ข้อเสนอเกี่ยวกับการซื้อบริการใด ๆ สิทธิประโยชน์พิเศษ โปรโมชัน รวมถึงสิทธิในการเข้าร่วมกิจกรรมที่บริษัทจัดขึ้นเป็นพิเศษ
5.4.3 เพื่อให้ท่านไม่พลาดโอกาสรับข้อเสนอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการ หรือสิทธิประโยชน์พิเศษใด ๆ จากบริษัทในเครือของบริษัทและพันธมิตรทางธุรกิจ ในการให้ความยินยอมตามข้อ 5.4 นี้ หากท่านเป็นผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ คนไร้ความสามารถ ท่านต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดา ผู้ปกครอง ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาล (แล้วแต่กรณี) ก่อน เว้นแต่เป็นกรณีที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นกำหนดให้สามารถทำได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอม
5.5 เพื่อการประมวลข้อมูลภายในบริษัท การทำสถิติ วิเคราะห์ ศึกษาวิจัยการใช้บริการของบริษัท อนึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 จะมีผลใช้บังคับ บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิม หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้บริษัทเก็บรวมรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไป ท่านสามารถ จัดการข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ที่นี่
10.1 สิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล
(1) ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท
(2) ท่านมีสิทธิขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน
(3) ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร
10.2 สิทธิขอโอนข้อมูลส่วนบุคคล
(1) ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัททำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลด้วยวิธีการอัตโนมัติ
(2) ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นด้วยวิธีการอัตโนมัติ
(3) ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถทำได้เพราะสาเหตุทางเทคนิค
ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นต้องเป็นข้อมูลที่ท่านได้ให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือเป็นข้อมูล
ส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย เพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการของบริษัทได้ตามความประสงค์
ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้บริการของบริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด
10.3 สิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
(1) ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้
และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินการเท่าที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หากท่านยื่นคำขอคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย แล้วแต่กรณี
(2) ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่ทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาด
(3) ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่ทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่บริษัทมีความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท
10.4 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทดำเนินการลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลส่วนบุคคลแฝง เมื่อท่านเห็นว่าไม่มีความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในประกาศฯ ฉบับนี้ หรือการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอคัดค้านตามข้อ 10.3 (1) ข้อ 10.3 (2) และข้อ 10.3 (3) หรือใช้สิทธิขอถอนความยินยอมตามข้อ 10.8
10.5 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
(1) ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน
(2) ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการชั่วคราวในกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
10.6 สิทธิขอแก้ไขข้อมูล
ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
10.7 สิทธิร้องเรียน
ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
10.8 สิทธิขอถอนความยินยอม
ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ใช้บังคับหรือภายหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิขอถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ท่านได้รับประโยชน์อยู่ เมื่อท่านยื่นคำขอใช้สิทธิขอถอนความยินยอมมายังบริษัทแล้ว บริษัทจะดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิขอถอนความยินยอมของท่าน ภายในระยะเวลา 30 (สามสิบ) วัน เว้นแต่กรณีที่ข้อมูลในคำขอใช้สิทธิเป็นข้อมูลที่ต้องจัดเก็บตามพระราชบัญญัติว่าด้วย การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 บริษัทมีหน้าที่ต้องเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวไว้ไม่น้อยกว่า 90 (เก้าสิบ) วัน นับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่าการที่ท่านถอนความยินยอมอาจส่งผลกระทบในการใช้บริการของบริษัท เช่น ท่านจะไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน ไม่ได้รับข้อเสนอ สิทธิประโยชน์ โปรโมชัน คะแนนสะสม หรือไม่ได้รับบริการที่ดียิ่งขึ้นและสอดคล้องกับความต้องการของท่าน เป็นต้น ดังนั้น เพื่อประโยชน์ของท่าน จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่า บริษัทจะดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิต่าง ๆ ของท่านในข้อ 10.1 ถึง ข้อ 10.7 โดยไม่ชักช้า ภายในระยะเวลา 30 (สามสิบ) วัน นับแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องขอใช้สิทธิจากท่าน ทั้งนี้ การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และอาจมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่ทำให้บริษัทอาจใช้สิทธิปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิซึ่งอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงเหตุผลของการปฏิเสธคำขอของท่าน